เปิดประวัติ “แก๊งยามากุจิ” แก๊งยากูซ่าอันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่น

จากกรณีคดีฆ่าหั่นศพชายชาวญี่ปุ่นแล้วนำศพไปทิ้งอำพรางตามที่ต่าง ๆ ในย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี จนเด็ก 10 ขวบไปเจอชิ้นส่วนเข้าที่สนามเด็กเล่น ล่าสุดมีรายงานว่า ผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่น รวมถึงผู้เสียชีวิต ต่างเป็นสมาชิกของ “แก๊งยามากุจิ” องค์กรยากูซ่าอันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่น

แก๊งยามากุจิเป็นหนึ่งในองค์อาชญากรรมที่ร่ำรวยที่สุดในโลก มีรายได้หลายพันล้านดอลลาร์ต่อปีจากการขู่กรรโชก การพนัน อุตสาหกรรมทางเพศ การค้าอาวุธ การค้ายาเสพติด อสังหาริมทรัพย์ และโครงการรับสินบนจากการก่อสร้าง

นั่นทำให้แก๊งยากูซ่ากลุ่มนี้มีอิทธิพลและขนาดใหญ่ที่สุดในแดนอาทิตย์อุทัย รวมถึงยังมีประวัติค่อนข้างเก่าแก่ เพราะอยู่มาแล้วนานกว่า 100 ปี และมีผู้นำสืบทอดมาถึง 6 รุ่น

แก๊งยามากุจิ หรือยามากุจิกุมิ (山口組) ก่อตั้งขึ้นในปี 1915 หรือปีที่ 4 ของยุคไทโช โดยชายที่ชื่อว่า ยามากุจิ ฮารุคิชิ ซึ่งขณะนั้นเป็นสมาชิกแก๊งโอชิมะกุมิ เขาตั้งแก๊งยามากุจิขึ้นมาโดยยังคงอยู่ใต้อาณัติของแก็งโอชิมะ ที่ฐานอยู่เมืองโกเบ จังหวัดเฮียวโงะ และยังคงอยู่ที่เมืองนี้จนถึงปัจจุบัน

10 ปีต่อมา เขาส่งต่อตำแหน่งผู้นำแก๊งให้กับลูกชายคนโต ยามากุจิ โนโบรุ ซึ่งได้ขยายอิทธิพลของแก๊งเข้าสู่วงการบันเทิง จากเดิมที่มีแค่การดูแลท่าเรือ การพนัน และร้านเร่ขายของริมถนน (เทกิยะ)

และในรุ่นของโนโบรุนี้เองที่แก๊งยามากุจิเริ่มขัดแย้งกับแก๊งโอชิมะ เกี่ยวกับสิทธิในการเปิดตลาดขายส่งสินค้ากลางเมืองโกเบ ทำให้ท้ายที่สุดในปี 1932 แก๊งยามากุจิก็แยกตัวออกมาเป็นอิสระไม่ขึ้นตรงกับแก๊งอื่นอีกต่อไป

ปี 1940 โนโบรุมีเหตุกระทบกระทั่งกับแก๊งคาโกะโทระ (ตระกูลโกดะ) และถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จนเสียชีวิตในอีก 2 ปีถัดมา

แก๊งยามากุจิอยู่ในสภาวะไร้ผู้นำอยู่ประมาณ 4 ปี จนสุดท้ายมีการเลือก ทาโอกะ คาซุโอะ สมาชิกแก๊งที่ไม่ได้มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดกับสกุลยามากุจิ ขึ้นเป็นผู้นำคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

จากนั้นตั้งแต่ปี 1955-1974 ทาโอกะได้ดำเนิน “ปฏิบัติการรุกรานทั่วประเทศ” หรือแผนขยายอิทธิพลไปยังส่วนต่าง ๆ ของญี่ปุ่น จนเกิดความขัดแย้งและสงครามแก๊งจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งโคมัตสึชิมะ ความขัดแย้งเมยูไค ความขัดแย้งทตโตริ เหตุการณ์ฮากาตะ สงครามตัวแทนฮิโรชิมา ความขัดแย้งมัตสึยามะ ฯลฯ

การทำสงครามแก๊งและผนวกแก๊งต่าง ๆ ทำให้แก๊งยามากุจิขยายอำนาจได้อย่างรวดเร็ว กระทั่งปี 1975-1978 แก๊งยามากุจิได้ทำสงครามโอซากาปะทะกับแก๊งมัตสึดะรุ่นที่ 2 จนกลายเป็นแก๊งที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และทาโอกะยังถูกเรียกว่าเป็น “ผู้นำของญี่ปุ่น” เลยด้วยซ้ำ

ทาโอกะเสียชีวิตในปี 1981 ขณะที่ทายาทซึ่งได้รับการกำหนดตัวไว้อย่าง ยามาโมโตะ เคนอิจิ ก็เสียชีวิตด้วยอาการป่วย ทำให้ภรรยาของทาโอกะนั่งตำแหน่งรักษาการหัวหน้าแก๊งไปก่อน จนสุดท้ายสภาอาวุโสของแก๊งมีมติเลือก ทาเคนากะ มาซาฮิสะ จากแก๊งย่อยทาเคนากะ ขึ้นเป็นผู้นำรุ่นที่ 4 ของแก๊งยามากุจิในปี 1984

ทาเคนากะได้รับฉายาว่า “ราชสีห์ผู้หิวโหย” มีบุคลิกเป็นคนอดทนและไม่สนใจความฟุ่มเฟือย ไม่ชอบออกไปไหน ถึงขนาดว่าถ้าเป็นไปได้จะไม่ออกจากสำนักงานเลย ชอบเล่นโชงิ (หมากรุกญี่ปุ่น) เขามีผู้หญิงหลายคนแต่ไม่เคยรับใครเป็นภรรยา โดยเขาเคยบอกว่า “การมีลูกทำให้คุณผูกพันกับโลกนี้ ยากูซ่าไม่ต้องการภรรยาและลูก”

อย่างไรก็ตาม การที่ทาเคนากะได้รับเลือกทำให้สมาชิกแก๊งบางกลุ่มไม่พอใจ โดยเฉพาะในแก๊งย่อยยามาฮิโระและคาโมตะ ทำให้สองแก๊งนี้แยกตัวจากแก๊งยามากุจิและตั้งแก๊งอิชิวะขึ้นมา และทำสงครามกับแก๊งยามากุจิ เกิดเป็นความขัดแย้งยามะ-อิชิ

ทาเคนากะไม่ชอบการมีบอดี้การ์ด โดยบอกว่า “ถ้าคนจะตาย พวกเขาก็ตายไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรก็ตาม ถ้าคุณกินอาหารเยอะ ๆ และโชคไม่ดี คุณก็ตายได้” ผลก็คือเขาถูกลอบสังหารในปี 1985

4 ปีหลังการตายของทาเคนากะ ความขัดแย้งยามะ-อิชิสิ้นสุดลง และแก๊งยามากุจิได้แต่งตั้ง วาตานาเบะ โยชิโนริ ขึ้นเป็นผู้นำรุ่นที่ 5 ซึ่งยุคของเขาหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับตำรวจ และส่งเสริมการขยายอิทธิพลแบบควบคุมและใช้เหตุผลมากกว่าความรุนแรง ตามคำแนะนำของทายาทรุ่นถัดไป ทาคุมิ มาซารุ (ซึ่งหลายคนมองว่าในทางปฏิบัติ ทาคุมิมีอำนาจมากกว่าวาตานาเบะเสียอีก)คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

ปี 1997 ทาคุมิถูกลอบสังหาร ทำให้แก๊งยามากุจิไร้ผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำ สุดท้ายในปี 2005 วาจานาเบะประกาศลงจากตำแหน่ง และพร้อมกันนั้นสภาอาวุโสได้เลือก สึคาสะ ชิโนบุ มาเป็นผู้นำรุ่นที่ 6

ภายใต้การนำของสึคาสะ แก๊งยามากุจิกลับมาขยายอิทธิพลอีกครั้ง และเขาถูกจำคุกในเดือน ธ.ค. 2005 ฐานครอบครองปืนอย่างผิดกฎหมาย และได้รับการปล่อยตัวในเดือน เม.ย. 2011 หลังจากรับโทษจำคุกเกือบ 6 ปี

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของแก๊งยามากุจิเกิดขึ้นในปี 2015 เมื่อแก๊งยามาเก็นซึ่งมีฐานอยู่ในโกเบ แก๊งทาคุมิซึ่งมีฐานอยู่ในโอซากา และกลุ่มเคียวยู ได้ประกาศแยกตัวออกจากแก๊งยามากุจิ และก่อตั้งกลุ่มใหม่ที่เรียกว่า แก๊งโกเบยามากุจิ

นี่ถือเป็นการแบ่งแยกครั้งใหญ่ของแก๊งในรอบหลายสิบปี และทั้งสองฝ่ายดำเนินความขัดแย้งรุนแรงเรื่อยมาจนถูกทางการหมายหัว แต่ในปี 2021 แก๊งยามาเท็นกลับมาเข้าร่วมกับแก็งยามากุจิอีกครั้ง

ทั้งนี้ สมาชิกยากูซ่าแก๊งยามากุจิลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ทศวรรษ 1990 จากข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวนรวมของสมาชิกแก๊งระหว่างปี 1991-2012 เหลือ 78,600 คน จากนั้นในปี 2014 ลดลงอีกเหลือ 23,400 คน และ ณ ปลายปี 2023 มีสมาชิกที่มีความเคลื่อนไหวเหลืออยู่ราว 3,500 คนเท่านั้น

แก๊งยากูซ่าของญี่ปุ่นต่างจากกลุ่มอาชญากรในประเทศอื่น ๆ พวกเขามีอาคารสำนักงานใหญ่อย่างเป็นทางการ ติดชื่อและตราประจำแก๊งอย่างตรงไปตรงมา โดยสำนักงานใหญ่ของแก๊งยามากุจิก็ตั้งอย่างผ่าเผยอยู่ที่ถนนชิโนฮาระมาจิ เขตนาดะ เมืองโกเบ จังหวัดเฮียวโงะ

เรียบเรียงจาก Yakuza Wiki

ถ้าเข้าสู่สภาวะ “ลานีญา” จะเกิดอะไรขึ้น ส่งผลต่อไทยอย่างไร?

“บิ๊กโจ๊ก”ร้องคำสั่งให้ออกมิชอบ! หมายหัวรักษาการ ผบ.ตร.ติดคุกแน่

“วันพืชมงคล 2567” โรงเรียน-ราชการ-เอกชนหยุดหรือไม่